Skip to content Skip to footer

ต่อมไพเนียล – สะพานสู่จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ ตอน 1 “ภาพรวม ต่อมและจักระ”

แม้ว่าเรามักจะคิดว่าอวัยวะในร่างกายของเรา เช่น หัวใจ, ปอด และไต เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการอยู่รอดของเรา แต่ต่อมไร้ท่อของเราอาจมีบทบาทสำคัญยิ่งกว่านั้น เมื่อพูดถึงปฏิสัมพันธ์กับ the soul (จิตวิญญาณ) และ consciousness

ร่างกายของเรามีต่อมต่างๆ มากมายอยู่ภายใน ต่อมต่างๆ เป็นตัวควบคุมที่สำคัญของระบบพลังงานของร่างกาย และดังที่มีการค้นพบอยู่ในขณะนี้ ต่อมเหล่านี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ Divine origins (ต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์) ของเราในฐานะสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณ (spiritual beings)

บางทีต่อมที่สำคัญและจำเป็นที่สุดเพียงต่อมเดียวในระบบร่างกายทั้งหมดก็คือต่อมไพเนียล ซึ่งตั้งชื่อตามรูปร่างของมัน คล้ายกับ a pine cone (ลูกสน) การวิจัยเชิงลึกของ David Wilcock ได้เปิดเผยการทำงานที่น่าทึ่งของต่อมนี้ และความสัมพันธ์กับร่างกายทางจิตวิญญาณ (spiritual bodies) ของเรา

ต่อมไพเนียลตั้งอยู่ภายในศูนย์กลางทางเรขาคณิตที่แม่นยำของสมอง และถึงแม้ ตอนเด็กจะมีขนาดใหญ่ แต่เมื่ออายุมากขึ้น มันก็ลดขนาดลงเหลือเท่าเมล็ดถั่วในขณะที่มันผ่านกระบวนการกลายเป็นปูนอย่างค่อยเป็นค่อยไป (calcification process) ขนาดที่เหมาะสมของต่อมไพเนียลเมื่อโตเต็มที่และถูกแอกติเวทคือขนาดขององุ่น

GLANDS AND CHAKRAS

ต่อมต่างๆ เชื่อมโยงโดยตรงกับจุดพลังงานจักระทั้ง 7 ซึ่งเริ่มต้นที่บริเวณขาหนีบ เคลื่อนขึ้นไปทั่วร่างกาย และสิ้นสุดที่กระหม่อมกลางศีรษะ ต่อมไพเนียลเชื่อมโยงโดยตรงกับจุดจักระที่ 6 ซึ่งอยู่ระหว่างคิ้ว ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “ตาที่สาม” เรอเน เดการ์ต นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสเรียกสถานที่นี้ว่า “ที่นั่งแห่งจิตวิญญาณ (the seat of the soul)” และด้วยเหตุผลที่ดี

สิ่งที่ทำให้ต่อมไพเนียลมีความสำคัญในแง่ของ consciousness ก็คือพลังงานและเลือดจำนวนมหาศาลที่ไหลผ่านต่อมไพเนียล มากกว่าต่อมอื่นๆ ในร่างกายมนุษย์

ต่อมไพเนียล เป็นคลังแห่งจินตนาการและการสร้างสรรค์ เซลล์รูปแท่งและรูปกรวยแบบเดียวกับที่พบในดวงตานั้น สามารถพบได้ในองค์ประกอบของต่อมไพเนียลด้วย ด้วยสรีรวิทยาประเภทเดียวกันนี้ ต่อมไพเนียลจึงช่วยให้เราเห็น หรือจินตนาการถึงสถานการณ์, แฟนตาซี, ความทรงจำ, ความฝัน หรือโครงสร้างทางการมองเห็นอื่นๆ คุณเคยได้ยินสำนวนที่ว่า “in the mind’s eye” หรือ “ตาที่สาม” หรือ “สัมผัสที่หก” บ้างไหม? วลีเหล่านี้ล้วนอ้างอิงถึงการทำงานของต่อมไพเนียลโดยตรง

ต่อมไพเนียลยังรับผิดชอบในการหลั่งของเหลวในสมองที่สำคัญอย่างยิ่ง 2 ชนิด ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตของเรา ซึ่งได้แก่ เมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้นอนหลับ และเซโรโทนินซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยรักษาสภาพจิตใจที่มีความสุขและมีสุขภาพดีให้สมดุล นอกเหนือจากหน้าที่อื่นๆ

ยาต้านอาการซึมเศร้า เช่น Prozac และ Zoloft มักถูกใช้เพื่อเพิ่มระดับเซโรโทนินในเคมีในสมอง ในขณะที่ยาหลอนประสาท พวก psychedelic drugs เช่น LSD และ DMT (หรือไดเมทิลทริปทามิน ซึ่งเป็นทริปตามีนตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่พบในสมอง) และสารชามานิก (shamanic substances) บางชนิด เช่น peyote, ayahuasca (อะยาวัสกา) และเห็ด มักจะเลียนแบบการกระทำทางเคมีของเซโรโทนิน

DMT เป็นสารธรรมชาติที่พบในพืชหลายชนิด และถึงแม้การวิจัยจะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็มีการคาดเดาที่ชัดเจนว่า DMT นั้นผลิตขึ้นตามธรรมชาติในต่อมไพเนียลเช่นกัน

ดังนั้น the “psychedelic,” hallucinatory or shamanic trips ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลเสพยาหรือสารประเภทนี้ The psychedelic journeys เข้าถึงและสัมผัสได้ภายในขอบเขตของต่อมไพเนียล

เมื่อเราอายุมากขึ้น ต่อมไพเนียลจะเริ่มกลายเป็นหินปูนจากสารและฮอร์โมนต่างๆ ที่พบในอาหารของเรา รวมถึงน้ำอัดลม, อาหารแปรรูป และน้ำตาลทรายขาว ที่ส่งผลต่อความเสื่อมนี้ มีแม้กระทั่งบางคนที่ค้นพบงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ไปที่ยาทางจิตเวช, ยาแก้ซึมเศร้า และฟลูออไรด์ในระบบน้ำ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อต่อมไพเนียล

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีข้อสงสัยเพิ่มมากขึ้นว่าโทรศัพท์มือถือซึ่งมีการแผ่รังสีที่เป็นอันตราย อาจโจมตีต่อมไพเนียลและก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงเช่นกัน แม้แต่เราเตอร์เครือข่าย Wi-Fi ของคอมพิวเตอร์ก็ยังถูกสงสัยว่าเป็นแหล่งที่เป็นอันตรายต่อสมองและต่อมไพเนียลอีกด้วย

Alchemist เจี๊ยบ